![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/0.jpg)
แรงบันดาลใจในการไปเยือนปราสาทโอซาก้าครั้งนี้ เกิดจากการดูการ์ตูนเรื่องโดราเอมอนในวัยเด็ก โดยที่ไม่รู้หรอกว่าใช้ปราสาทนี้เป็นธีมในเรื่องจริงรึเปล่า แต่ปราสาทในการ์ตูนมันหน้าตาคล้ายแบบนี้แหละ และเราไปเยือนจังหวัดโอซาก้าพอดี :’)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/camerr.jpg)
นี่เป็นการเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งที่ 2 ของเรา และเป็นครั้งแรกที่ไปโอซาก้า โดยเราใช้เวลาอยู่ที่โอซาก้าเป็นเวลา 3 วัน และแวะมาที่ปราสาทโอซาก้าในวันสุดท้าย โดยช่วงที่เรามาถึงเป็นเวลาประมาณ 13.30 น. อากาศของวันนี้เริ่มร้อนขึ้นอย่างชัดเจน อุณหภูมิอยู่ที่ 16 องศา พร้อมกับแดดเปรี้ยงปร้างสาดใส่หน้าแบบไม่บันยะบันยัง จากวันอื่นๆ ที่อุณหภูมิ 9-11 องศา ต้องใส่เสื้อ 2-3 ชั้น วันนี้กลับเป็นความลำบากในการต้องใส่เสื้อคลุมที่ไม่มีที่เก็บ เพราะใส่ออกมาโดยคิดว่าอากาศจะเย็น เราจึงคิดซะว่า มันเป็นเสื้อกันแดดที่จะทำให้เราหนีพ้นจากแสง UV รอบด้านที่โจมตีเราตอนนี้
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/1-2.jpg)
เราเดินทางไปปราสาทโอซาก้าด้วยรถไฟใต้ดิน โดยมาโผล่ที่สถานี Tanimachiyonchorme Station (สถานีทานิบาจิ ยงโจเมะ) ซึ่งเป็นสถานีที่มีรถไฟผ่าน 2 สาย คือ “สายทานิมาจิ (Tanimachi)” และ “สายจูโอ (Chuo)” ถ้าเราลงสถานีนี้ เราจะได้เข้าทางด้านหน้าของปราสาท โดยเราเดินตามเส้นทางแบบรูปด้านล่างนี้เลย แอปที่ช่วยชีวิตเราตลอดการเดินทางที่ญี่ปุ่นก็คือ Google map (เราเป็นคนติดแอปนี้ตลอดอยู่แล้ว ไม่ว่าอยู่ที่ไทยหรือญี่ปุ่นนะคะ ) ระยะทางตามแผนที่ก็คือ 1.2 กิโลเมตร ระยะทางตามจิตใจก็คือ 1.2 กิโลแม้ว แต่คนอื่นอาจจะเฉยๆ ก็ได้ค่ะ คนญี่ปุ่นเดินกันชิลมากกก 55555 แต่เราซึ่งเดินมาตลอดทริป 8 วัน พอวันสุดท้ายก็คือ “เมื่อไหร่จะถึ๊งงงงง” บ่นพร้อมก้าวเดินเพื่อเป้าหมายตามรอยการ์ตูนต่อไปปปป ปล. เดินตามสถานที่ในรูปด้านล่างนี้ไปได้เลยนะคะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/map.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/2-1.jpg)
นี่คือตึกที่เห็นทันทีหลังขึ้นมาจากสถานีรถไฟใต้ดิน ประตู 3 แล้วหันซ้าย เป็นตึกที่มีขนาดใหญ่มากค่ะ แต่ด้วยความรีบๆ และเหนื่อยๆ เลยไม่ทันได้เปลี่ยนเลนส์วายขึ้นมาถ่ายมุมกว้างให้เห็นชัดๆ ซึ่งตอนเห็นก็รู้สึกว่ามันต้องเป็นตึกที่มีความสำคัญอะไรสักอย่างหนึ่ง พอกลับมาเลยมาลองค้นดู มันคือตึกที่รวมเอา Osaka Museum of Hisory อยู่ทางปีกขวา, NHK Osaka Hall ทางด้านหน้าซ้าย, และ NHK Osaka Broadcasting Station ปีกซ้ายด้านหลัง แล้วเราก็พบว่า … Osaka Museum of Hisory เนี่ย คือที่ที่เราตั้งใจจะมา แต่ลืมเดินเข้าไป เพราะความเหนื่อยล้าของเราเอง คิดแต่จะไปหน้าปราสาทซะให้ได้ TT’
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/3.jpg)
เสาหินด้านหน้าของ Hoenzaka iseki ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ แต่เราก็ไม่แน่ใจว่าสำคัญในด้านไหนเหมือนกันค่ะ ลองหาข้อมูลส่วนใหญ่ก็เป็นภาษาญี่ปุ่น แต่มันจะอยู่ด้านหน้าทางขวาของตึกด้านบน พอเราเดินผ่านตรงนี้ เราก็เดินเลาะไปทางด้านขวาของตึกด้านบนเพื่อหลบแดดไปข้ามถนนที่ทางม้าลายค่ะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/58-768x1024.jpg)
พอเราเดินมาเรื่อยๆก็จะมองเห็นตึก Osaka Museum of Hisory จากอีกด้านหนึ่งค่ะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/4.jpg)
พอเห็นตึกก็หันขวานั่งพักที่บันได 55555 ตามสไตล์คนปวดขาของแม่วัย 50++ กับลูกวัยใกล้เบญจเพส สังเกตดูก็คือตึกบังแดดให้หมดเลย เป็นทำเลดีในเวลาแบบนี้ มีลมอ่อนๆ นิดนึง สิ่งที่เราชอบของญี่ปุ่นก็คือไฟจราจรที่มีทุกแยกเลย ข้ามถนนได้สบายใจมาก เป็นเหตุผลให้ได้หยุดเดินเป็นพักๆ ด้วย รถก็ค่อนข้างทำตามกฎจราจรอย่างดี แต่ถ้าให้เทียบระหว่าง Tokyo กับ Osaka ที่นี่ก็มีคนฝ่าไฟแดงเยอะกว่าอยู่พอสมควรเลย ทั้งคนเดินแล้วก็รถด้วย อาจเพราะเมืองมันเงียบกว่า ในบางจุดมันโล่งมากๆ มากขนาดที่ไม่อยากรอสัญญาณไฟแล้ว
![](https://i1.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/5.jpg)
![](https://i1.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/6.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/7-3.jpg)
น้องงงงงงง หยิบกล้องอย่างเร็ว ทันแค่รูปนี้แหละ คนเดินกันเร็วมาก แต่ก็ควรเดินเร็วนะคะ ถึงจะมีสัญญาณไฟจราจรแต่ก็ไม่ได้มีเวลาให้ข้ามนานมากนัก แล้วก็อันตรายด้วย อย่าทำแบบเรานะ แต่น้องน่ารักมาก
![](https://i1.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/8.jpg)
![](https://i2.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/9.jpg)
เราจะเห็นตึกนี้ถ้าหันซ้ายตอนข้ามถนน มันคือ Osakafu Police Headquarters ก็กองกำกับการตำรวจของโอซาก้าแหละ แต่ตอนเราถ่ายเราก็คิดแค่ว่า ตึกเท่ๆดี
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/10-2.jpg)
ช่วงข้ามถนนเสร็จแล้วก็เดินตามแผนที่มาเลย หรือตามฝูงคนมาก็ได้ ส่วนใหญ่มาทางเดียวกันหมดนั่นแหละ ตรงด้านหน้าจะเจอป้อมกลมๆ เป็นห้องน้ำกับร้าน Lawson เท่าที่เราดูที่นี่ก็มีทั้งนักท่องเที่ยว คนท้องถิ่น คนมาวิ่ง ปั่นจักรยานออกกำลังกาย เที่ยวคนเดียว เที่ยวแบบคู่รัก ครอบครัว เด็กเล็กจนถึงผู้สูงอายุ น้องหมาน้องแมวมาหมด ครบจบในที่เดียวมากๆ เพราะบริเวณกว้างขวางกับสิ่งอำนวยความสะดวกที่ค่อนข้างโอเคเลย (ในรูป คนซ้ายนั่นเราเอง)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/11-1.jpg)
ก่อนเดินเข้า แวะพักอีกรอบ พร้อมเปิดตัวแม่ ทางที่เดินมาส่วนใหญ่จะมีต้นไม้ใหญ่อยู่ตลอดทาง พอให้ไม่โดนแดดตรงๆ แต่ต่อจากนี้ดูโล่งแจ้งมากจ้า ขอเตรียมตัวเตรียมใจนิดนึง
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/12-3.jpg)
ไปค่ะ นี่คือทางเข้าด้านหน้านะคะ ซุ่มประตูเพื่อเข้าไปในอาณาเขตของกำแพงหินขนาดยักษ์รอบปราสาทค่ะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/13-1.jpg)
มีคนเอาจักรยานแบบปั่น 2 คนมาเที่ยวด้วย มีความตื่นเต้นๆ มากค่ะ 5555
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/14.jpg)
คูน้ำรอบปราสาท เวลาเห็นในการ์ตูนจะต้องมีฉากลักลอบเข้าปราสาทด้วยเรือเล็กลอดไปตามช่องลับ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/15-1.jpg)
แม่ : หลบแดด!
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/16-1.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/17.jpg)
ต้นไรไม่รู้ สวยดี มันมีแท่งๆ ชี้ขึ้นฟ้าเต็มเลย
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/18.jpg)
สำหรับใครที่ไม่อยากเดิน มีรถรับส่งระหว่างสถานีรถไฟ-ปราสาทโอซาก้า นะคะ ค่าบริการ 200 เยน (ถ้าจำไม่ผิด) แต่เราไม่ได้นั่งนะคะ เพื่อความประหยัด แล้วตอนเห็นรถก็คือเดินมาไกลแล้ว ไม่แน่ใจว่าขึ้นจากตรงไหนเหมือนกัน
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/19.jpg)
เข้ามาแล้ววว
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/20.jpg)
มีรถลากด้วย น่าจะเป็นคู่แต่งงานนะ ที่โตเกียวก็เจอตามวัดใหญ่ๆ เหมือนกัน ขอให้มีความสุขทั้งคู่นะคะ
MIRAIZA OSAKA-JO
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/21.jpg)
![](https://i2.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/22-1.jpg)
![](https://i0.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/23-1.jpg)
เมื่อเดินเข้ามาก่อนถึงปราสาทโอซาก้า ทางด้านขวาจะเจอ MIRAIZA OSAKA-JO เป็นเสมือนห้างสรรพสินค้าของที่นี่ มีทั้งร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึก ร้านแต่งตัวแบบนินจา รวมถึงพิพิธภัณฑ์มายากลและภาพลวงตา Illusion Museum ตอนเรามาเจอที่นี้ก็ตกใจไปแปบนึง คือถ้าเป็นเมืองไทย สถานที่ประวัติศาสตร์แบบนี้ คงไม่มีห้างตั้งอยู่ข้างหน้าขนาดนี้ แล้วคนเดินไปมาแบบเยอะมาก เหมือนมาปิคนิคตามสวนสาธารณะทั่วไป (แต่ก็มีสวนอยู่จริงๆ นะ) โดยตึกสวย แอร์เย็นฉ่ำ ประชาสัมพันธ์อยู่ด้านหน้าทางขวา ลิฟท์อยู่ด้านซ้ายของบันไดโถงกลาง คนรอเยอะมาก เดินเอาเร็วกว่า วันหยุดคนเยอะแต่ไม่ถึงกับแออัด เด็กๆ เยอะ ต้องเดินระวังนิดนึงน้องๆ ชอบวิ่งไปมา T^T
เกร็ดความรู้ อาคารแห่งนี้ สมัยก่อนถูกใช้เป็น “กองบัญชาการกองทัพบกกองพลที่ 4” สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1931 ภายหลังถูกใช้เป็นพิพิธภัณฑ์ประจำอำเภอโอซาก้า โดยหลังจากที่พิพิธภัณฑ์ปิดตัวลงไป 16 ปี ก็ได้รับการปรับปรุงใหม่เป็นแบบในปัจจุบัน ที่มา : https://osaka-info.jp/th/page/miraiza-osaka-jo
Illusion Museum
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/24.jpg)
พิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงสิ่งของในประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับมายากลและภาพลวงตาจากประเทศต่างๆทั่วโลก รวมถึงมีโชว์มายากลด้วย เหตุผลหลักๆ เลยที่เรามาที่นี่ก็เพราะว่าเป็นสถานที่หนึ่งที่ได้ค่าเข้าฟรีจากบัตร Osaka Amazing Pass เป็นบัตรค่าเข้าของทุกสถานที่ ที่เราไปในวันนี้ รวมค่ารถไฟใต้ดินด้วย เดี๋ยววันหลังเราจะมาทำบทความแยกเกี่ยวกับคุณประโยชน์และสิทธิพิเศษของบัตรให้ฟังอีกทีนะ
สำหรับบัตร Osaka Amazing Pass จะฟรีค่าเข้าชมในส่วนของพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ที่มายากลและภาพลวงตา ไม่รวมค่าเข้าชมมายากลที่ต้องจ่ายแยกนะคะ โดยอัตราค่าบริการสำหรับเข้าชมพิพิธภัณฑ์เมื่อไม่มีบัตร Osaka Amazing Pass จะอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 1,200เยน /小人(4-11ปี)700เยน / อายุต่ำกว่า 3 ปี เข้าชมฟรี และในส่วนของโชว์มายากล จะอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 500 เยน สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 11 ปี เข้าชมฟรี เวลาทำการ คือ 11.00 – 17.30 น. รายละเอียดเพิ่มเติม : https://www.miraiza.jp/illusion/en/
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/25.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/26.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/27.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/28-1.jpg)
ใกล้เข้าไปอีกนิด
เมื่อเดินต่อมา เราก็เริ่มเข้าใกล้ปราสาทแล้ว ในที่สุดก็มาตีนปราสาทแล้ว ดีใจมาก ทางขวานั่นคือแถวซื้อบัตรเข้าชมนะคะ ค่าเข้าชมปราสาทโอซาก้าอยู่ที่ ผู้ใหญ่ 600 เยน เด็กมัธยมต้นลงไปเข้าฟรี เวลาทำการ 9:00 – 17:00 (เข้าได้จนถึงเวลา 16:30) ในฤดูชมซากุระ โกลเด้นวีค และวันหยุดฤดูร้อนจะขยายเวลาเปิดนานขึ้น แต่สำหรับเราที่มีบัตร Osaka Amazing Pass ก็ไม่ต้องเข้าแถวนะคะ เดินไปด้านหน้าสุดด้านซ้ายของห้องขายบัตรจะมีช่องทางพิเศษอยู่ แค่โชว์บัตรก็เข้าได้เลยค่ะ สะดวกมาก บัตรนี้ทำให้เราได้ Fast Track ในทุกสถานที่เลยค่ะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/29.jpg)
ชิดเข้าไปอีกหน่อย
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/30.jpg)
ขึ้นบันไดแล้ววว ตื่นเต้นขึ้นเรื่อยๆ เลยค่ะ ใกล้จะได้เห็นข้างในแล้ว
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/31.jpg)
ก็จะมีกรวยกั้นช่องทางเดินอยู่นะคะ ทางซ้ายคือเข้าไปเดินชั้น 1 ของอาคาร หรือต้องการขึ้นบันได ทางด้านขวาคือต่อแถวเพื่อขึ้นลิฟท์ไปชั้น 5 เพื่อดูนิทรรศการ ก่อนเดินขึ้นบันไดไปชั้น 8 ที่เป็นจุดชมวิว (ต้องขึ้นบันไดเท่านั้น) และตอนลงก็ไม่ให้ใช้ลิฟท์ด้วยค่ะ ไม่แน่ใจว่าเหมือนกันทุกวันไหม แต่วันที่เราไปไม่ให้ใช้ค่ะ อาจจะเพราะคนเยอะ โดยในแต่ละชั้นก็จะมีนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของโอซาก้าด้วยนะคะ ซึ่งในชั้น 3,4 จะห้ามถ่ายภาพค่ะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/32-1.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/34.jpg)
เกร็ดความรู้ ปราสาทโอซาก้า ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1583 โดย “โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ” (Toyotomi Hideyoshi) เพื่อเป็นศูนย์กลางการปกครอง ใช้เวลา 3 ปีในการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ บนพื้นที่เดิมของวัดอิชิยาม่า โฮคันจิ (Ishiyama Honganji Temple) ซึ่งถูกทำลายโดยโอดะ โนบุนากะ (Oda Nobunaga)
ไม่กี่ปีหลังจากนั้นตระกูลโทโยโทมิ ถูกฆ่าหมดสิ้นโดยโชกุน Tokugawa Ieyasu และปราสาทได้ถูกทำลายลง จนในสมัยของโชกุน Tokugawa Hidetada (ลูกของโชกุน Tokugawa Ieyasu) จึงมีการก่อสร้างปราสาทโอซาก้าครั้งที่ 2 ก่อนถูกทำลายอีกครั้งจากฟ้าผ่าและเกิดเพลิงไหม้จนเสียหายทั้งหมดในปี ค.ศ. 1665
ค.ศ. 1931 มีการสร้างปราสาทใหม่เป็นครั้งที่ 3 ด้วยโครงสร้างแบบคอนกรีตเสริมเหล็ก และได้เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกเข้าไปในประสาทด้วย ก่อนบูรณะครั้งใหญ่อีกครั้งในปี ค.ศ. 1997 จนปราสาทงดงามอย่างในปัจจุบัน
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/35-1.jpg)
ด้านบนสุดของปราสาทเป็นจุดชมวิว ซึ่งมีตะแกรงเหล็กแข็งแรงป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายนะคะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/36.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/37.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/38.jpg)
วิวจากด้านบนสุดของปราสาท ทั้ง 4 ทิศ สามารถมองเห็นวิวรอบๆ เมืองโอซาก้าได้อย่างกว้างไกล
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/39.jpg)
โดยถึงมีตะแกรงเหล็ก แต่ก็มีส่วนที่ไม่มีตะแกรงเพื่อให้ถ่ายรูปได้สะดวกโดยไม่มีอะไรบดบังวิวด้วยค่ะ พอขึ้นมาบนนี้เราก็จะหยุดพักปักหลักกันนานหน่อย ให้คุ้มค่ากับการเดินทางมา และดื่มด่ำกับความฝันวัยเด็กอีกนิด สำหรับใครที่จะมาเซลฟี่ข้างบนก็หามุมกันนานหน่อย เพราะคนอยู่ทุกพื้นที่ที่แทรกตัวเข้าไปถ่ายวิวได้เลย แต่มาถึงแล้วสำหรับเราก็คุ้มค่าค่ะ ไม่มาเหมือนมาไม่ถึงโอซาก้า แต่ถ้าใครไม่ใช่สายนี้ไม่มาก็ไม่ผิดค่ะ 555555
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/40.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/41.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/42.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/43-1024x768.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/44-1.jpg)
แนะนำว่าเอาเลนส์ยาวๆ มาหน่อย จะได้ถ่ายได้สนุกสนานมากเลย ซูมไปๆ อยากเห็นอะไรก็ซูมไป คนสายตาสั้นๆแบบเราก็เห็นได้ทุกอย่าง :’3
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/45-1.jpg)
ด้านบนอาคารของ MIRAIZA OSAKA-JO
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/46.jpg)
มองลงไปข้างล่าง
![](https://i0.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/47-1.jpg)
![](https://i0.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/48.jpg)
ปลาโลมาสีทองบนจั่วหลังคา มีอยู่ทั้งหมด 8 ตัว และตรงชั้นบนสุดประดับรูปสลักเสือสีทอง (ตรงส่วนด้านนอกที่เรายืนถ่ายรูปอยู่นั่นแหละ) เป็นสิ่งที่ทำให้ปราสาทแห่งนี้มีชื่อเล่นว่า คินโจ (錦城 หรือ 金城) ซึ่งแปลว่า “ปราสาททอง”
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/49.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/50.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/51-1.jpg)
และเราก็กำลังเดินทางออกจากปราสาทโอซาก้าแล้วค่ะ โดยเรากลับคนละทางกับที่เรามานะคะ เพราะว่าเราจะไปที่อื่นต่อ เลยไปสถานีรถไฟอีกสถานีหนึ่ง ที่เราคาดเดาว่าจะสะดวกกับสถานที่ต่อไปมากกว่า ทางกลับด้านนี้ ให้เดินเลาะด้านซ้ายของปราสาทมาเรื่อยๆนะคะ อาจจะมองเหมือนทางตันเพราะกำแพงขนาดใหญ่บดบังเส้นทาง แต่มีเส้นทางปกติเลย คนเดินเยอะ
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/52.jpg)
ทางนี้ตอนเย็นๆร่มกว่านะ ขนาดเรากลับเย็นแล้ว (ประมาณ 4-5 โมง) ก็ยังมีคนทยอยเข้าปราสาทกันอยู่เรื่อยๆ ค่ะ
Osaka castle Gozabune Boat
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/53-1.jpg)
อันนี้คือเรือสำราญชมรอบปราสาทโอซก้านะคะ จริงๆ ค่าบริการรวมอยู่ในบัตร Osaka Amazing Pass ด้วย แต่ช่วงเวลาที่เราไป มันไม่ทันรอบแล้ว ก็คือหมดค่ะเลยอด ได้มองเห็นแค่ตอนกลับ เสียดายมากเลยค่ะอันนี้ ถ้าใครมาก็อย่าลืมไปนั่งเรือกันด้วนะคะ ท่าเรือขึ้นทางด้านหลังของปราสาทค่ะ ด้านหลังเรือในภาพเลย เวลาทำการ 10.00 – 16.50 น. (เรือออกรอบสุดท้าย) เดือนพฤศจิกายน ถึง เดือนกุมภาพันธ์ ให้บริการถึง 16.30 น.(เรือออกรอบสุดท้าย) เรือออกทุกๆ 10 – 15 นาที ใช้เวลาประมาณ 20 นาที โดยค่าบริการปกติ ผู้ใหญ่ 1,500 เยน เด็กถึงชั้นมัธยม 750 เยน ผู้ใหญ่อายุ 65 ปีขึ้นไป 1,000 เยน
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/54-1.jpg)
ค่อยๆ ไกลออกมาาาา
![](https://i2.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/55.jpg)
![](https://i0.wp.com/www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/56-2.jpg)
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/59.jpg)
พอเดินข้ามสะพานมา เราจะเจอ Crystal Tower ตึกใหญ่เด่นมาก เดินเลาะด้านขวาตึกไปเรื่อยๆ จะเจอทางลงสถานีรถไฟใต้ดิน
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/map-2.jpg)
ตอนกลับเราเดินมาลงรถไฟใต้ดินที่สถานี Osaka Business Park Station ระยะทาง 1.3 กิโลเมตร หรือใครจะกลับเส้นทางเดินจากกวางก็ได้ มาเข้าทางนี้แทนถ้าสถานีนี้สะดวกมากกว่า
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/60.jpg)
ที่เราบอกไปว่าจะทำบทความแยก แต่เราขอเกริ่นคร่าวๆ ก่อนถึงบัตรที่เราใช้แทนค่ารถไฟใต้ดิน และค่าเข้าสถานที่ในวันนี้ของเรา Osaka Amazing Pass แบบ 1 day pass ราคา 2,500 เยน หรือถ้าใครซื้อแบบ 2 days pass ก็ราคา 3,300 เยน มีตัวแทนจำหน่ายอยู่หลายที่ แต่เราซื้อผ่าน Traveloka Xperience แปะลิ้งค์ไว้ให้ https://www.traveloka.com/th-th/activities/japan/product/osaka-amazing-pass-1000419054549?source=form&si=56YF9BQKN&ppsi=5hnjv45aksujy5m1kk6 ซึ่งในเว็บจะโชว์ราคาเป็นค่าเงินบาทให้เลย เราก็จะได้ QR Code ไปแลกที่สนามบิน สะดวกมาก ใครมาโอซาก้าแนะนำใบนี้ (ตัวแทนจำหน่ายแต่ละที่ มีวิธีรับบัตรกันคนละที่นะ ตรวจสอบข้อมูลก่อนจองด้วยนะทุกคน)
ส่วนกล้องที่เราใช้ในทริปนี้มี 2 ตัวนะคะ นั่นก็คือ Olympus PEN-F + Olympus M. Zuiko 25 mm, f 1.8 ซึ่งตัวนี้จะถ่ายภาพละลายหลังต่างๆ ภายในทริป อาจจะยังไม่เห็นบทบาทในบทความนี้มากนัก แต่บทความต่อๆ ไป ก็จะได้มีส่วนสำคัญมากขึ้นค่ะ สำหรับในบทความนี้จะเป็นการใช้ Olympus PEN-F + M. Zuiko 7-14 mm, f 2.8 pro ในโหมดโปรไฟล์สี Pop Art เพราะสามารถเก็บภาพในมุมกว้างมากๆได้ แล้วก็เก็บท้องฟ้าสีฟ้าสดของประเทศญี่ปุ่นที่กวางชอบมากเอาไว้ได้ค่ะ เหตุผลหนึ่งที่กวางชอบประเทศญี่ปุ่นก็คือท้องฟ้าสีฟ้าสดที่ไม่เหมือนกรุงเทพ ฯ ที่ท้องฟ้าสีขาวๆ หมอกๆ เนี่ยแหละ ส่วนอีกตัวหนึ่งที่ใช้เยอะมากไม่แพ้กันเลยก็คือ Panasonic Lumix GX8 + 14-140 mm, f 3.5-5.6 ที่จะคอยเก็บภาพครอบคลุมในระยะ normal จนถึง tele ที่ทำให้กวางสามารถซูมตึก ซูมวิวจากบนยอดปราสาทชั้น 8 ลงไปที่ไกลๆ ได้ เพราะนอกจากระยะเลนส์แบบ X 2 ของระบบกล้อง mirrorless ผนวกกับเลนส์ยาวไกลถึง 140 mm ยังสามารถใช้ดิจิตอลซูมได้อีก X 4 ทำให้ถ่ายได้ระยะไกลสุดๆ โดยไม่ต้องพกเลนส์ขนาดใหญ่เลย สำหรับการเดินเที่ยว สักพักไปช้อปปิ้งแบบชาวเราพกน้ำหนักแค่นี้ก็กำลังเหมาะสมเลย
![](https://www.wannateller.com/wp-content/uploads/2019/07/57.jpg)
Bye Bye Osaka Castle :’)