JFIN Chain เดินหน้านำเทคโนโลยีบล็อกเชนขับเคลื่อนธุรกิจไทยด้วยเครื่องมือ ready-to-use ให้เติบโตได้จริง เตรียมพร้อมรับกระแส Bullrun

เจ เวนเจอร์ส ผู้พัฒนาแพลตฟอร์มและเทคโนโลยีด้าน Digital Transformation และบล็อกเชนสัญชาติไทย ‘JFIN Chain’ ในกลุ่มเจ มาร์ทกรุ๊ป (Jaymart Group)  เปิดแผนรับปี 2024 ในงาน‘JFIN 2024 Experience Day’ ตั้งเป้าส่ง JFIN Chain  เดินหน้านำเทคโนโลยีบล็อกเชนขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตด้วยเครื่องมือ ready-to-use พร้อมรับกระแส bullrun โดยมีธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ ธนวินท์ รัฐเมธา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด ร่วมเผยทิศทางการนำเทคโนโลยีบล็อกเชนมาใช้สนับสนุนและขับเคลื่อนธุรกิจไทยให้เติบโตในปี 2024 พร้อมเหล่าพันธมิตรJFIN Chain ได้แก่ สุภชีพ พรวัฒนากูร, WIRTUAL  ประกาศิต ทิตาราม, Welliosพิยดา จรูญกุล, อินฟินิทแลนด์ โทเคน (KGO Token)  จัตุพร รักไทยเจริญชีพ, BEASTICA กิตติพล ลีปิพัฒนวิทย์, 360 Academy โฆษิต ขุมทรัพย์, Tripster ร่วมนำเสนอ Showcase และพูดคุยในประเด็นการนำบล็อกเชนมาต่อยอดทางธุรกิจครอบคลุมกธุรกิจท่องเที่ยว บริการ ค้าปลีก ฯลฯ  เพื่อโอกาสที่เติบโตและตอบโจทย์ผู้บริโภค

ตั้งแต่ JFIN Chain ได้เริ่มพัฒนาในปี 2022 ในรูปแบบ Proof-of-Stake Authority (PoSA) โดยมีองค์กรเข้ามาร่วมเป็น Validator Nodes จำนวน 11 Nodes ด้วยกัน สำหรับปี 2023 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่เรียกว่า ‘The Year of Collaboration’ เนื่องจาก JFIN Chain ได้มีการร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ทั้งการสร้างสรรค์สิ่งใหม่ และการต่อยอดพัฒนาของที่มีให้เกิดการใช้งานจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำเอาเทคโนโลยีNFT (Non-Fungible Tokens) เข้ามาเป็นเครื่องมือทรานสฟอร์มให้ธุรกิจก้าวสู่โลกบล็อกเชนและ Web3 ซึ่งนำมาใช้จริงแล้วกับธุรกิจ (Real use case) เช่น การใช้NFT เพื่อสร้าง Customer Engagement กับร้านสุกี้ตี๋น้อย และร้านกาแฟ Casa Lapin  หรือ  การนำ NFT มาเป็นรางวัลพรีเมียมพร้อมกับสิทธิพิเศษให้กับผู้ร่วมงานคอนเสิร์ต Overcoat ครั้งที่ 13 ทั้งนี้ JFIN Chain ยังได้ขยายอีโคซิสเต็มให้พร้อมเชื่อมต่อสู่ต่างประเทศ โดยการพาร์ทเนอร์กับต่างประเทศ อาทิCoinstore.com  ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลระดับโลก ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในประเทศสิงคโปร์ รองรับผู้ใช้งานกว่า 3.5 ล้านคน ใน 175 ประเทศทั่วโลก และ Liquid Crypto ผู้ให้บริการ Decentralized Finance ชั้นนำจากออสเตรเลีย   ในส่วนของเหรียญโทเค็น (Token) JFIN Chain มีผู้พัฒนาโปรเจกต์และมีเหรียญมาร่วมกันอยู่บนเชนมากมาย ตอบโจทย์การใช้งานและไลฟ์สไตล์ของผู้ใช้ที่มีความหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น XWEL ที่เป็นเหรียญ สำหรับองค์กรในรูปแบบ work to earn, WIRTUAL เหรียญจากแอปพลิเคชันออกกำลังกายชื่อดัง และ KGO เหรียญ City Token จากจังหวัดขอนแก่น ที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจในภูมิภาคให้ขยายขึ้นต่อไปอีก

ธนวัฒน์ เลิศวัฒนารักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัด เผยกลยุทธ์และทิศทางของ JFIN Chain ปี 2024 ว่า “ จากที่เราพัฒนาเทคโนโลยีและสร้างแพลตฟอร์มต่างๆ ในปีที่ผ่านมา และ JFIN Chain ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามีความพร้อมที่จะเป็น Infrastructure Blockchain ให้กับองค์กรธุรกิจ ด้วยเครื่องมือพร้อมใช้ (Ready-to-use) ที่เรามีจะเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนให้ธุรกิจทรานสฟอร์มสู่โลก Web3 (Empower Your Journey, Thrive The Business) ผ่านการเชื่อมบุคคลเข้ากับเทคโนโลยีที่เราออกแบบจากพฤติกรรมพื้นฐานของผู้ใช้งานปัจจุบัน ซึ่งไม่เน้นเฉพาะ B2B (Business to Business) เท่านั้นแต่ยังครอบคลุมถึง B2B2C (Business to Business To Customer) ที่ปัจจุบัน C ไม่ใช่เพียงแค่ Customer อีกต่อไป แต่ยังรวมถึง Community ที่เป็นกลุ่มชุมชนของผู้ที่มีความชื่นชอบในเรื่องเดียวกัน อาทิ กลุ่มนักพัฒนา กลุ่มชุมชน Web3 กลุ่มครีเอเตอร์ กลุ่มนักสะสม NFT ฯลฯ จะเห็นได้ว่า นอกจากเครื่องมือทางธุรกิจแล้วJFIN Chain ยังพร้อมที่จะรองรับ Gamification ที่เข้ามาร่วมบนเชน โดยในต้นปีนี้เตรียมพบกับเกมส์ BitmonsterNFT และ BEASTICA อีกทั้งเรายังให้น้ำหนักกับการสร้างความสัมพันธ์กับชุมชน (Community Building) ทั้งกลุ่มนักพัฒนา กลุ่มWeb3  ผู้ใช้งาน รวมถึงผู้ถือ JFIN ซึ่งเรามองว่าทุกกลุ่มนั้นต่างเป็นกลไกที่จะช่วยขับเคลื่อนให้บล็อกเชนขยายและเติบโตขึ้นไปอีก

ธนวินท์ รัฐเมธา รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจ เวนเจอร์ส จํากัดกล่าวว่า “เครื่องมือธุรกิจจาก JFIN Chain ช่วยให้องค์กรและธุรกิจเชื่อมต่อสู่โลกWeb3 ได้จริง โดยเราออกแบบมาจากการศึกษา Pain point หลักของธุรกิจ 4 เรื่องได้แก่

1) ลดค่าใช้จ่ายต้นทุน (Reduce cost) เช่น ค่าพัฒนาแอปพลิเคชัน ค่าบำรุงรักษา ค่าตัวคนไอที ฯลฯ

2) เครื่องมือมีคุณภาพ (Quality) สร้างเครื่องมือพร้อมใช้งานที่มีคุณภาพและใช้งานได้จริงในธุรกิจ หรืออุตสาหกรรมต่างๆ

3) ความรวดเร็วในการทำงาน (Fast) เนื่องจากหลายองค์กรไม่มีเวลามากพอที่จะพัฒนาระบบใหม่ๆ ดังนั้นเครื่องมือที่พร้อมใช้จึงเข้ามาช่วยแก้ปัญหานี้

4) การผ่านมาตรฐานและมีการตรวจสอบอย่างถูกต้อง (Compliance Audit) การพัฒนาบล็อกเชนของ JFIN Chain ได้รับการตรวจสอบทางบัญชีอย่างถูกต้อง และได้รับมาตรฐานความปลอดภัยทางระบบ ISO27001 

ภายในงานฯ ได้มีการนำเสนอโชว์เคสที่หลากหลายจากเหล่าพาร์ทเนอร์JFIN Chain พร้อมแสดงวิสัยทัศน์ การนำเอาบล็อกเชนมาต่อยอดทางธุรกิจได้จริงโดยมีตัวแทนจากพันธมิตรฯ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้พัฒนา Token และแอปพลิเคชันที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สุภชีพ พรวัฒนากูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และ Co-founder จาก WIRTUAL  ประกาศิต ทิตาราม  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท Welliosจำกัด และพิยดา จรูญกุล  Marketing Communication บริษัท อินฟินิทแลนด์ โทเคน จำกัด ร่วมพูดคุยในหัวข้อ “Expanding the Ecosystem : Showcasing partnerships and collaborations with business” อีกด้วย

JFIN Chain: Blockchain For Business นำเสนอ 7 เครื่องมือพร้อมใช้งาน ที่ธุรกิจสามารถเริ่มต้นก้าวเข้าสู่โลก Web3 ไปได้อย่างรวดเร็ว ดังนี้

1.BUSINESS NFT: ตัวช่วยขับเคลื่อนธุรกิจโดย Non-Fungible Tokens (NFT) ด้วยรากฐานของระบบบล็อกเชน NFT เป็นเครื่องมือหลักที่จะเพิ่มมูลค่าให้กับแบรนด์ สร้างความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับลูกค้าให้แข็งแรง และช่วยให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้า GEN Z ธุรกิจสามารถปรับใช้งานเทคโนโลยี NFT ในรูปแบบของ Utility สอดคล้องไปกับรูปแบบของตัวเองได้ โดยเครื่องมือ BUSINESS NFT ที่ JFIN Chain พัฒนาขึ้น ใช้งานได้ตั้งแต่เริ่มรับ NFT ผ่านรูปแบบกิจกรรมต่างๆ ไปจนถึงนำไปใช้งานกับธุรกิจหรือร้านค้า รวมถึงจัดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดต่างๆ (Campaign) อย่างต่อเนื่องสำหรับผู้ถือ NFT นั้นๆ เหล่านี้จะช่วยให้การทำงานขององค์กรและธุรกิจเชื่อมต่อได้ง่าย รวดเร็ว และพร้อมใช้งานโดยที่ไม่ต้องใช้ทีมพัฒนาบล็อกเชนเพิ่มแต่อย่างไร

2.Join Application: ออกแบบมาเพื่อเป็นทางลัดในการเชื่อมต่อธุรกิจเข้าสู่โลกบล็อกเชนด้วยกระเป๋า (Wallet) ที่เป็น Mobile Application ที่มาพร้อมฟีเจอร์บล็อกเชนสำเร็จรูปบน ไม่ว่าจะเป็น Tokenization, NFT, Community, Gamification, Airdrop และอีกมากมาย ด้วยแอปพลิเคชันพร้อมใช้งานนี้จะช่วยให้ธุรกิจประหยัดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา แล้วมุ่งเน้นสร้างประโยชน์เพื่อทำกิจกรรมทางการตลาดสร้าง Customer Engagement หรือตอบโจทย์องค์กรที่มองหาเครื่องมือในการพัฒนาทรัพยากรบุคคล สร้าง Employee Engagement ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ปัจจุบันของคนรุ่นใหม่

3.Join Rewards: ตอบโจทย์การสร้างความสัมพันธ์กับกลุ่มชุมชน (Community) เพื่อกระตุ้นการมีส่วนร่วมในธุรกิจด้วยการใช้งาน Join Rewards ที่จะช่วยสร้าง Engagement กับลูกค้าและชุมชนได้ง่ายขึ้น ผ่านกิจกรรมบน Join Application โดยที่ผู้ใช้งานองค์กรไม่จำเป็นต้องสร้างแอปพลิเคชันเอง และปรับใช้งาน template สำเร็จรูปได้ด้วยตัวเอง

4.TOKEN GENERATION: ตัวช่วยให้ระบบนิเวศธุรกิจธุรกิจแข็งแกร่งขึ้น ด้วยการสร้างและบริหารจัดการโทเคน  โดยที่ไม่ต้องพัฒนาขึ้นมาเอง ด้วยบริการToken Generation อีกตัวช่วยที่เปิดโอกาสในการทำธุรกรรม และแลกเปลี่ยนโทเค็นเป็นไปได้ง่าย และใช้งานได้จริง

5.JFIN Name Service (JNS): เพิ่มประสิทธิภาพในการสื่อสารให้ดีขึ้น ด้วยการลดปัญหาการจดจำเลขกระเป๋า Web3 หรือเว็บไซต์ยาวๆ ด้วยการสร้าง Name Service ในแบบ decentralized มั่นใจได้ในความปลอดภัยว่าเป็นตัวจริงด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชนที่ขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง ช่วยยกระดับการจัดการธุรกิจให้เป็นไปได้ด้วยความน่าเชื่อถือ

6.KLAIKLAI Decentralization Web3 Social Map: แพลตฟอร์ม GeoLocationเครื่องมือเชื่อมต่อผู้ใช้งานในแบบ Online to Offline ที่จะสร้างประสบการณ์ให้ทั้งบุคคล ชุมชน และธุรกิจ ตอบโจทย์ธุรกิจด้วยฟีเจอร์ทางการตลาดที่จะช่วยดึงผู้ใช้งานจากออนไลน์ให้มาร่วมสร้างปฏิสัมพันธ์ในโลกจริง ผ่านกิจกรรมบนแอปพลิเคชัน  สำหรับ KlaiKlai เป็น Mobile Application ที่ทำงานในแบบ Contribute to Earn ผู้ใช้งานสะสม exp เพื่อไปใช้แลกเป็น Token และรับรางวัลได้จริง

7.BLOCKCHAIN LAYER2: Network Blockchain Layer 2 เป็น Network Blockchain สำรอง ที่รองรับการเก็บข้อมูลปริมาณมากและมีความรวดเร็ว เพื่อรองรับ Use Case ของธุรกิจที่มีความจำเป็นต้องเก็บข้อมูลปริมาณมาก ทำให้การทำธุรกรรมรวดเร็ว และมีค่าใช้จ่ายต่ำ มั่นใจได้ในความปลอดภัย และโปร่งใสตรวจสอบได้ของเทคโนโลยีบล็อกเชน

เพื่อช่วยขับเคลื่อนธุรกิจและองค์กรให้พุ่งทะยานต่อเนื่อง JFIN Chain ยังได้ต่อยอดสร้างสรรค์ Join Solution ให้เป็นโซลูชันตัวช่วยสำคัญในการนำเอาเครื่องมือต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Web3, NFT และ Token เข้ามาทำงานร่วมกันในแบบIntegration เพื่อให้เป็น Enterprise Engagement Platform เชื่อมต่อธุรกิจและลูกค้าเข้าสู่โลก Web3 ได้อย่าง seamless โดยองค์กรสามารถเลือกสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ สู่กลุ่มเป้าหมายได้  ทั้งการใช้ Customer Loyalty สู่ลูกค้าและคอมมูนิตี้, Employee Engagement กับพนักงานในองค์กร, Events & Concerts ตัวช่วยในการการจัดงานอีเว้นท์ และ Education Ecosystem ที่จะช่วยให้เกิดการเรียนรู้ และสร้างความบันเทิงไปพร้อมกัน

โดย Join Solution ออกแบบมาเพื่อช่วยลดต้นทุนค่าพัฒนาด้านไอทีประหยัดเวลาเนื่องจากเป็นเครื่องมือพร้อมใช้ สามารถเชื่อมต่อใช้งานร่วมกับระบบหรือแอปพลิเคชันที่มีอยู่แล้วได้ทันที รวมถึง interface ของ Join Application หรือ Line OA และยังสามารถเลือก Customize ตาม CI ของบริษัท หรือแบรนด์นั้นๆ รวมถึงเลือกใช้งานเฉพาะฟีเจอร์ที่ต้องการ