บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล และ จับมือ อาลีบาบา พิคเจอร์ส พัฒนาสื่อบันเทิง มุ่งสร้างวัฒนธรรมไทย-จีนแน่นแฟ้น

ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล ประเทศไทย และอาลีบาบา พิคเจอร์ส ประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ 3 ด้าน หนึ่งร่วมมือด้าน AI และพัฒนามนุษย์เสมือนจริง สองด้านการจัดจำหน่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ และ สามร่วมมือสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญามุ่งพัฒนาสื่อด้านความบันเทิง โดยเน้นการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทย พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมบันเทิงไทย-จีน ขึ้นชั้นระดับโลก

ดร. ชวัลวัฒน์ อริยวรารมย์ ซีอีโอและผู้ก่อตั้งบริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล ประเทศไทย เปิดเผยว่า ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ระหว่างสองบริษัทนี้จะเป็นการนำจุดแข็งทั้งด้านความสามารถและทรัพยากรของแต่ละฝ่ายมาใช้ประโยชน์อย่างเต็มที่ เพื่อมอบประสบการณ์ความบันเทิงระดับคุณภาพแก่ประชาชนจีนและไทย ขณะเดียวกันก็ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างสองประเทศให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และเป็นการผลักดัน Soft Power ไทย-จีน ไปสู่ตลาดโลก ซึ่งจะเป็นการเปิดโอกาสให้ทางผู้สร้างสรรค์คอนเทนต์ไทยและดารานักแสดงไทยได้มีโอกาสก้าวเข้าสู่ตลาดจีนมากยิ่งขึ้นด้วยเช่นกัน ความร่วมมือในครั้งนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อยกระดับความร่วมมือส่งเสริมทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทยให้ก้าวขึ้นไปอีกขั้น

ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ดังกล่าวมี 3 ด้าน ประการแรก ความร่วมมือด้าน AI (Artificial Intelligence) และการพัฒนามนุษย์เสมือนจริง (Virtual Human) อาลีบาบา พิคเจอร์ส กรุ๊ป และ บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล จะร่วมกันสร้างมนุษย์เสมือนจริงสำหรับภาพยนตร์และโทรทัศน์ รวมถึงนวัตกรรมการสร้างคอนเทนต์โดยปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) เป้าหมายคือ การอยู่ในระดับแนวหน้าของการพัฒนา AI และการสร้างมนุษย์เสมือนจริง

ประการที่สอง ในด้านการจัดจำหน่ายภาพยนตร์และโทรทัศน์ ทั้งสองฝ่ายจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในท้องถิ่น เช่น การเผยแพร่รายการและภาพยนตร์สั้น โปรโมตภาพยนตร์ และละครจีนในประเทศไทย และในทางกลับกัน ก็จะเผยแพร่รายการและภาพยนตร์สั้น โปรโมตภาพยนตร์และละครไทยในจีนเช่นกัน ซึ่งจะส่งผลให้มีการนำผลงานภาพยนตร์และโทรทัศน์ที่มีความหลากหลายและมีคุณภาพสูงมาสู่ผู้ชมของทั้งสองประเทศ

ประการสุดท้าย ความร่วมมือในการสร้างสรรค์ผลงานทรัพย์สินทางปัญญา (IP Product) ทั้งสองประเทศจะใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบของตนในด้านทรัพยากรและช่องทางเพื่อขยายไปสู่ตลาดให้กว้างขึ้น ด้วยเหตุนี้ ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์จึงนับว่าเป็นที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าความร่วมมือนี้จะช่วยกระชับความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ และส่งต่อพลังงานเชิงบวกให้กับสังคม

ในพิธีประกาศความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ มีผู้เข้าร่วม ประกอบด้วย นางสาวหยาง เหว่ยกวงเลขานุการคณะกรรมการพรรคและรองประธานบริหารของ Youku บริษัท Alibaba Digital Media & Entertainment Group นายโจว เผิง หัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศของ Youku ที่ Alibaba Digital Media & Entertainment Group นายหวัง เย่ หัวหน้าฝ่าย Digital Human Business ของ Alibaba Digital Media & Entertainment Group และ นางสาว หวัง หยิง ผู้จัดการโครงการของ Alibaba Digital Media & Entertainment Group

การประกาศความร่วมมือดังกล่าว จัดขึ้น ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยเกิดขึ้นต่อเนื่องจากการที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดพิธีลงนาม “หนังสือแสดงเจตจำนงความร่วมมือเชิงกลยุทธ์” ร่วมกับบริษัทจีน 8 บริษัท เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างจีนและไทย และส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศไทยผ่านนวัตกรรมและยกระดับอุตสาหกรรมในระดับสากล นำโดย นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และบรรดานักธุรกิจชั้นนำระดับประเทศ อาทิ นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการอาวุโส เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายสุภกิต เจียรวนนท์ ประธานกรรมการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ นายภัคพล งามลักษณ์ ประธานคณะผู้บริหารด้านปฏิบัติการ เครือเจริญโภคภัณฑ์ ที่ไปร่วมงานของ ททท. และได้ร่วมรับฟังวิสัยทัศน์ความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ ระหว่าง อาลีบาบา พิคเจอร์ส กรุ๊ป และ บริษัท ทีแอนด์บี มีเดีย โกลบอล อีกด้วย

ปัจจุบันอุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อของจีนกำลังเติบโตอย่างมาก และถูกจับตาว่าในเร็ว ๆ นี้อาจกลายเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่ง PwC ประเมินรายได้รวมต่อปีของจีนคาดว่าจะเติบโตสูงถึง 470,00 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2570 หรือในอีก 5 ปี จะขยายเป็น 6.1% สูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยทั่วโลกซึ่งอยู่ที่ 3.5% และจากการสำรวจพบว่า รายได้การจำหน่ายบัตรชมภาพยนตร์ (Box Office) ของจีนสูงแตะ 1.32 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 27% ของตลาดภาพยนตร์โลก ด้านรายได้รวมของกลุ่มอุตสาหกรรมสื่อและบันเทิงของไทยคาดการณ์ในปี 2568 ว่าจะอยู่ที่ 601,936 ล้านบาท หรือคิดเป็นการเติบโตเฉลี่ยต่อปี ตั้งแต่ 2564 – 2568 มี Compound Annual Growth Rate หรือ CAGR อยู่ที่ 4.45% โดยจุดเปลี่ยนแปลงของวงการคือ แต่ละแขนงธุรกิจบันเทิงต่างนำเอา AI มาใช้เพิ่มผลิตภาพและความคิดสร้างสรรค์ในอุตสาหกรรม เกม ภาพยนตร์ ซีรีส์ หรือการผลิตรายการโทรทัศน์และเพลง รวมทั้งใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI)