MARCO BICEGO จิวเวลรีที่สะท้อนหัตถศิลป์ชั้นสูงแห่งช่างทองโบราณอิตาลี ผ่าน 4 ไอคอนิกคอลเลกชัน

Scintilla Gioielli (ซินติล่า โจแยลลี่) ผู้นำเข้าและจำหน่ายอิตาเลียน ไฟน์ จิวเวลรี มากกว่า 20 แบรนด์ เปิดตัว MARCO BICEGO (มาร์โก้ บิเชโก้) แบรนด์ไฟน์จิวเวลรีที่สะท้อนหัตถศิลป์ชั้นสูงแห่งช่างทองโบราณอิตาลีผสานอัตลักษณ์แห่งธรรมชาติอันพลิ้วไหว พร้อมเผยโฉม `4 ไอคอนิก ไฟน์ จิวเวลรี คอลเลกชัน LUNARIA (ลูนาเรีย), MARRAKECH (มาราเกซ), JAIPUR (จัยปูร์) และ GOA (กัวว่า) รวมทั้งโชว์ 2 ไฮ จิวเวลรี คอลเลกชัน UNICO (ยูนิโค) และคอลเลกชัน LUNARIA ALTA (ลูนาเรีย อัลต้า) ที่เป็น One of a kind มีเพียงชิ้นเดียวในโลก ที่สร้างสรรค์จากการสั่งสมความรู้และทักษะที่สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นที่แสดงถึงคราฟต์แมนชิพชั้นสูงแห่งอิตาลี

“ผมจำได้ว่าเคยนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานในบริษัทของพ่อตอนเด็กๆ กับความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้สัมผัสและลองทำเครื่องประดับจากทองคำ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นที่ความหลงใหลในการทำเครื่องประดับจิวเวลรีชั้นสูงของพ่อส่งผ่านมาที่ตัวผม ทำให้ผมกล้าที่จะเชื่อในความฝันของตัวเอง” มาร์โก้ บิเชโก้

ด้วยมรดกแห่งประณีตศิลป์ที่หยั่งรากลึกในดินแดนแห่งประวัติศาสตร์เครื่องประดับอย่างประเทศอิตาลี และการได้รับการฝึกฝนอบรมจากธุรกิจช่างทองของบิดา จุดกำเนิดแบรนด์ MARCO BICEGO (มาร์โก้ บิเชโก้) ขึ้นในปี ค.ศ. 2000 เครื่องประดับจิวเวลรีชั้นสูงอันโดดเด่นควบคู่ความหรูหราสง่างามและความหรูหราแห่งเครื่องประดับล้ำค่าที่จะคงอยู่กับผู้หญิงไปตลอดชีวิต ด้วยสไตล์ที่มีเอกลักษณ์ที่ได้รับการบ่มเพาะจากประเพณีที่แสดงถึงความหมายอันลึกซึ้งของคราฟต์แมนชิพของช่างผู้ชำนาญชาวอิตาลีผสานแรงบันดาลใจจากอัตลักษณ์และตัวตนที่แท้จริงของธรรมชาติ ความงดงามของทองคำ 18 กะรัต รวมทั้งอัญมณีล้ำค่าหลากสีสัน คือหัวใจของ MARCO BICEGO

ไฟน์จิวเวลรี MARCO BICEGO มีจำหน่ายใน 50 ประเทศทั่วโลก นอกจากที่แฟลกชิปสโตร์ในประเทศอิตาลีที่เมืองเวนิส และเวโรนา แล้วยังมีบูทีคในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส, บาเดิน-บาเดิน ประเทศเยอรมัน, บูดาเปสต์ ประเทศฮังการี, เอเธนส์ มิโคนอสและเกาะครีตประเทศกรีซ, มหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา, โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น และปักกิ่ง ประเทศจีน นอกจากนี้ MARCO BICEGO ยังจำหน่ายในร้านมัลติแบรนด์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกและห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อาทิ La Samaritaine, Printemps, Bloomingdale’s, Neiman Marcus, Saks Fifth Avenue และ Mitsukoshi

ฟรานเชสโก ฟูเซลโล ผู้จัดการฝ่ายขาย แบรนด์ MARCO BICEGO กล่าวว่า เครื่องประดับจิวเวลรีทั้งหมดเกิดจากการสร้างสรรค์และการออกแบบของ มร.มาร์โก้ บิเชโก้ ทายาทรุ่นที่ 2 ของครอบครัวที่เป็นเจ้าของโรงงานผลิตเครื่องประดับจิวเวลรีในเมือง Trissino (ทริสซิโน) ประเทศอิตาลี ที่สืบทอดเทคนิคการทำทองแบบดั้งเดิมด้วยมือ (Craftmanship) ซึ่งเป็นเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ และเทคนิคการแกะสลักอย่างประณีต (Bulino) โดยการนำโลหะมาขูดบนพื้นผิวทองคำ ทำให้เกิดร่องลวดลายเล็กๆ ไปในทิศทางเดียวกันบนพื้นผิวทองคำสร้างสัมผัสที่นุ่มนวลดุจการสร้างสรรค์ประติมากรรมชิ้นเอก รวมทั้งเทคนิคคอยล์ (Coil) ที่เป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ โดยการนำเส้นทองคำ 18 กะรัตเล็กๆ มาพันเป็นเกลียวรอบๆ แกนทองคำ ก่อนที่จะถูกบิดขึ้นรูปด้วยมือโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญ ทำให้ได้รูปทรงที่นุ่มนวลและคดเคี้ยว น้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง และเกิดรูปทรง ที่แปลกใหม่น่าสนใจ และเทคนิคการผสมผสานสีสันแห่งอัญมณี (Coloured Gemstones) ก่อเกิดเครื่องประดับที่เติมเต็มสีสันให้กับทุกลุคทุกโอกาส การเลือกเฉดสีอันไม่มีที่สิ้นสุดของอัญมณีธรรมชาติผสมผสานกับทองคำ 18 กะรัตถือเป็นพรสวรรค์และความเชี่ยวชาญของแบรนด์ที่ทั่วโลกให้การยอมรับ

สรีนา ธีระวิทยภิญโญ ผู้บริหาร Scintilla Gioielli กล่าวว่า MARCO BICEGO เป็นแบรนด์เครื่องประดับจากอิตาลีที่ก่อตั้งขึ้นในปี ค.ศ.2000  เมื่อประมาณ 23 ปีที่แล้ว แต่ผู้ก่อตั้งแบรนด์อยู่ในตระกูลที่ผลิตเครื่องประดับให้แบรนด์ดังๆ ทั่วโลกมาอย่างยาวนาน ปัจจุบัน MARCO BICEGO ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงในแถบอเมริกา ด้วยคอนเซปต์การออกแบบที่ทันสมัยร่วมกับงานฝีมือแบบอิตาลีดั้งเดิม ทำให้เกิดความแปลกใหม่แบบไม่สิ้นสุดจากความคิดสร้างสรรค์ ทำให้เครื่องประดับสามารถใส่ได้ในทุกโอกาส, ทุกลุคและทุกวัน  และด้วยการผลิตด้วยมือตามแบบฉบับโบราณ ทำให้เครื่องประดับคอลเลกชันเดียวกัน ก็มีความแตกต่างและมีเอกลักษณ์ประจำตัวของจิวเวลรีชิ้นนั้นๆ ซึ่งเป็นความพิเศษสุดของแบรนด์ MARCO BICEGO

เครื่องประดับ 4 ไอคอนนิคคอลเลกชันอันโดดเด่น ได้แก่ คอลเลกชัน Lunaria (ลูนาเรีย) หนึ่งในคอลเลกชันที่โดดเด่นที่สุดของแบรนด์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความงดงาม โค้งมนและอ่อนช้อยของกลีบดอกลูนาเรีย ซึ่งในภาษาละตินหมายถึงเสี้ยวพระจันทร์ ถ่ายทอดผ่านดีไซน์เรียบง่าย มีเสน่ห์ และลวดลายเส้นจากการแกะสลักบนแผ่นกลีบดอกไม้ทองคำล้อมรอบด้วยเกลียวทองคำขัดเงาที่ตัดกันและประดับด้วยเพชรเจียระไนทำให้มีมิติพลิ้วไหว ชวนให้นึกถึงการเคลื่อนไหวอันนุ่มนวลของกลีบดอกไม้ที่ปลิวไปตามสายลม

คอลเลกชัน Marrakech (มาราเกซ) หนึ่งในความงามที่เป็นซิกเนเจอร์ และเอกสิทธิ์เฉพาะของแบรนด์ที่ถูกคิดค้นสร้างสรรค์ด้วยเทคนิคคอยล์ (Coil) การนำเส้นทองคำเล็กๆ มาพันเป็นเกลียวม้วนรอบแกนทองคำ แล้วนำมาบิดขึ้นรูปโดยช่างฝีมือผู้ชำนาญทำให้ได้รูปทรงที่นุ่มนวลและลื่นไหล ภาพเงาของเครื่องประดับที่คล้ายริบบิ้นสีทองนี้ ชวนให้นึกถึงเนินทรายในทะเลทรายแอฟริกาที่ถูกลมพัดให้ขึ้นรูปอย่างนุ่มนวล เพื่อสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับ เครื่องประดับคอลเลกชันนี้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง ละเอียดอ่อนแต่ใช้งานได้หลากหลาย

คอลเลกชัน Jaipur (จัยปูร์) ถ่ายทอดความงามอันน่าอัศจรรย์ของการผสมผสานอัญมณีธรรมชาติหลากหลายสีสันร่วมกับทองคำ 18 กะรัตในเครื่องประดับหนึ่งเดียว ก่อเกิดสไตล์และความสง่างามที่ไม่สิ้นสุด ความสวยงามแห่งสีสันและรูปทรงตามธรรมชาติของอัญมณีเป็นแรงบันดาลใจที่ยอดเยี่ยมที่จะเพิ่มความงดงามของทุกเฉดสีที่เสมือนของขวัญจากธรรมชาตินี้ให้ชัดเจนเปล่งประกายทุกแง่มุมผ่านการตัดเจียระไนรูปทรงกลมทรงรี และแบนอย่างเชี่ยวชาญ ร่วมกับการนำทองคำมาล้อมรอบเพื่อล็อกอัญมณีเข้ากับตัวเรือนแบบไม่มีหนามเตย ทำให้เห็นสีสันและความวิจิตรของอัญมณีทั้งเม็ดเมื่อแสงส่องผ่าน ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษที่แบรนด์พัฒนาขึ้น  

คอลเลกชัน GOA (กัวว่า) อีกหนึ่งคอลเลกชันที่ใช้เทคนิคคอยล์ทำให้เครื่องประดับสง่างามทรงคุณค่ายิ่งขึ้น เส้นเกลียวทองคำ 18 กะรัต 3 เส้นซ้อนกันถูกบิดให้โค้งขึ้นรูปด้วยมือก่อเกิดประกายแวววาวและเครื่องประดับที่ไร้รูปทรงเฉพาะ ก่อเกิดความคลาสสิกเหนือกาลเวลา

สำหรับไฮ จิวเวลรี คอลเลกชัน UNICO (ยูนิโค) เครื่องประดับที่พิเศษสุดมีเพียงชิ้นเดียวในโลกจากการเฟ้นหาสุดยอดอัญมณีร่วมกับการออกแบบที่โดดเด่นไม่มีใครเหมือน และงานฝีมือที่ประณีตสง่างามที่สุด แต่ละขั้นตอนรังสรรค์ด้วยมือจากความใส่ใจในทุกรายละเอียด และความหลงใหลอย่างสูงสุดในความงดงามอลังการของอัญมณี ทำให้ได้ผลงานชิ้นเอกที่แสดงถึงฝีมือและแรงบันดาลใจอันยิ่งใหญ่ของแบรนด์

ไฮ จิวเวลรี คอลเลกชัน LUNARIA ALTA (ลูนาเรีย อัลต้า) หนึ่งในคอลเลกชันที่เป็น One of a kind ที่ได้แรงบันดาลใจเดียวกันกับคอลเลกชันลูนาเรีย เพิ่มความพิเศษตามแบบฉบับ ไฮ จิวเวลรี ด้วยการฝังเพชรน้ำงามที่ได้รับการคัดสรรอย่างดีเยี่ยมและเจียระไนด้วยความประณีตจากช่างที่มีประสบการณ์สูงลงบนแผ่นกลีบดอกลูนาเรียทองคำ ทำให้ได้เหลี่ยมมุมเล่นแสงประกายระยิบระยับดึงดูดทุกสายตา

พบกับ MARCO BICEGO ไฟน์ จิวเวลรีที่สะท้อนหัตถศิลป์ชั้นสูงแห่งช่างทองโบราณอิตาลี และคอลเลกชันที่มีเอกลักษณ์อันโดดเด่นที่ได้รับแรงบันดาลใจจากความสวยงามและพลิ้วไหวของธรรมชาติ ได้ที่ Scintilla Gioielli Boutique ชั้น M สยามพารากอน หรือช็อปออนไลน์ได้ที่ www.scintillagioielli.com และสามารถอัปเดตเทรนด์จิวเวลรีได้ทาง Instagram : @scintilla_gioielli และ Line OA: @scintillabkk