หนีร้อนมาผจญภัยป่าใหญ่ใกล้กรุง ที่อุทยานแห่งชาติกุยบุรี

ฤดูร้อนมาถึงทีไร…แน่นอนว่าทะเลคงเป็นจุดหมายแรกที่หลายคนนึกถึง แต่สำหรับใครที่หลงรักธรรมชาติอยากหาสถานที่ท่องเที่ยวใหม่ๆ นอกจากทะเลแล้วล่ะก็ วันนี้เราจะพาทุกคนมาเที่ยวที่ “อุทยานแห่งชาติกุยบุรี” จ. ประจวบคีรีขันธ์ หนึ่งในผืนป่ามีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดของประเทศ ที่มาของ กุยบุรีโมเดล ต้นแบบการอยู่ร่วมกันแบบพึ่งพาอาศัยระหว่างคน-ช้างป่า และยังได้รับฉายาว่า กุยบุรี ซาฟารีของเมืองไทย

อุทยานแห่งชาติกุยบุรี มีพื้นที่ครอบคลุมทั้ง อำเภอปราณบุรี อำเภอสามร้อยยอด อำเภอกุยบุรี อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ ของ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นป่าต้นน้ำลำธาร มีทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญหลากหลาย ทั้งพันธุ์ไม้ สัตว์ป่า หายากหลายชนิด ด้วยความที่ผืนป่ามีความดิบแล้ง และดิบชื้นที่อุดมสมบูรณ์ จึงทำให้ที่นี่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก

“ย้อนกลับไปเมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ภาพของผืนป่ากุยบุรีที่เราเห็นในปัจจุบัน มีความแตกต่างจากสมัยก่อนโดยสิ้นเชิง เนื่องจากความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่า และจำนวนของสัตว์ป่าที่ผืนป่าแห่งนี้ยังมีไม่มากนัก ทั้งยังเจอปัญหาความขัดแย้งและการเผชิญหน้าระหว่างคนและช้างป่าเรื่อยมา มีช้างป่าถูกฆ่าตายหลายตัวขณะที่ชาวบ้านบางคนก็ถูกช้างป่าทำร้าย ความนี้หลังจากที่ พระบาทสมเด็จ พระปรมินทร มหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงทราบและมีพระราชดำรัส เรื่อง การจัดการความขัดแย้งระหว่างคนกับช้างป่า อุทยานแห่งชาติกุยบุรี เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2542 จึงเป็นที่มาของการน้อมนำพระราชดำรัส เกิดเป็นความร่วมมือของภาครัฐและภาคเอกชนต่างๆ ในการร่วมอนุรักษ์สัตว์ป่า”

ในส่วนของภาคเอกชน สำหรับการดำเนินงานของ กลุ่มบริษัท สยาม ไวเนอรี่ ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายไวน์และเครื่องดื่มของไทย พี่เจษเล่าให้ฟังว่า “บริษัทฯ ได้ดำเนินโครงการทั้งด้าน อนุรักษ์และฟื้นฟูแปลงหญ้าอาหารสัตว์ จัดทำแปลงหญ้าจำนวน 300 ไร่ การทำโปร่งเทียม ตลอดจนสร้างกระทะน้ำ เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำให้กับสัตว์ป่า โดยเฉพาะในหน้าแล้ง ไม่เพียงแต่เห็นความสำคัญของผืนป่าเท่านั้น

การสนับสนุนการทำงานของเจ้าหน้าที่ ก็เป็นหัวใจสำคัญ จึงได้มีการสนับสนุนมอบอุปกรณ์ในการปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งดูแลความปลอดภัยให้กับสัตว์ป่าโดยการมอบรางวัลนำจับแก่เจ้าหน้าที่ที่จับกุมผู้ลักลอบล่าสัตว์ป่า จึงมีส่วนช่วยทำให้สัตว์ป่ามีจำนวนที่เพิ่มขึ้น และทำให้ระบบนิเวศที่เกื้อกูลกันกลับมาคงความสมบูรณ์อีกครั้ง โดยปัจจุบันผืนป่ากุยบุรี เราพบช้างป่าที่เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบันมากกว่า 237 ตัว และกระทิงไม่ต่ำกว่า 300 ตัว คาดว่าจะเพิ่มมากขึ้นอีกในอนาคต

แอดเวนเจอร์นั่งรถชมสัตว์กันไปแล้ว สายแคมป์ปิ้งที่อยากจะพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ ที่นี่ก็มีลานกางเต็นท์อุทยานฯ ให้บริการนักท่องเที่ยว ค่าเช่าเต็นท์คนละ 250 บาท แต่ถ้าใครนำเต็นท์มาเองจะเสียค่ากางเต็นท์เพียงคนละ 30 บาท (ยังไม่รวมค่าบริการค่าเข้าชมอุทยาน 40 บาท และค่ายานพาหนะ 30 บาท)แถมยังมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม. รับรองว่าปลอดภัยแน่นอน

สำหรับใครที่หลงรักธรรมชาติแต่เบื่อทะเล อยากเปลี่ยนบรรยากาศเข้าป่าชมสัตว์ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ปักหมุดตามเรามาที่ อุทยานแห่งชาติกุยบุรี ได้เลยค่ะ รับรองว่าถูกใจนักเดินทางคนรักธรรมชาติ สายแอดเวนเจอร์ และคนที่ชื่นชอบถ่ายรูปอย่างแน่นอน